Recruiter ควร Balance ยังไงระหว่าง 'จ้างงานได้เร็ว' และ 'ได้คนที่มีคุณภาพ'
คุณเคยประสบกับสถานการณ์ที่ต้องเร่งจ้างงานให้ได้ภายในเวลาจำกัดหรือไม่?
ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การ การจ้างงาน เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ต้องทำให้สำเร็จอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังคงต้องได้ คนที่มีคุณภาพ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน ซึ่งนี่คือความท้าทายหลักที่ Recruiter ทุกคนต้องเผชิญ
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกวิธีการ Balance ระหว่างการจ้างงานได้เร็วและการได้คนที่มีสมรรถนะ (Capability) สูง เพื่อให้คุณเป็น Recruiter มือโปรที่สร้างผลลัพธ์แบบ Win-Win ให้กับองค์กรและตัวเอง
ปัญหาที่ Recruiter มักพบเมื่อเร่งกระบวนการจ้างงาน
การเร่ง การจ้างงาน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องดีในแง่ของการตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจ แต่ในทางกลับกัน ก็มักนำไปสู่ปัญหาที่ Recruiter และองค์กรต้องเผชิญ เช่น:
- เร่งรีบจนเกิดข้อผิดพลาด เช่น การวิเคราะห์สมรรถนะผู้สมัครไม่ครบถ้วน
- ได้คนที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งงานหรือวัฒนธรรมองค์กร
- เสียเวลาและทรัพยากรซ้ำซ้อนในการจ้างงานใหม่แทนคนที่ไม่เหมาะสม
สถานการณ์เหล่านี้ทำให้องค์กรต้องสูญเสียโอกาสและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
สาเหตุที่ทำให้ต้องเร่งการจ้างงาน และผลกระทบต่อคุณภาพ
ไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะมีเวลาว่างเพียงพอสำหรับกระบวนการ การจ้างงาน อย่างละเอียด หลายครั้งที่แรงกดดันจากการเติบโตทางธุรกิจ หรืองานเร่งด่วน ส่งผลให้ต้องเร่งกระบวนการคัดเลือกและสรรหาพนักงานใหม่
สาเหตุหลักที่มักเกิดขึ้น ได้แก่:
- ความต้องการบุคลากรในตำแหน่งสำคัญที่เร่งด่วน เช่น โครงการใหญ่ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญทันที
- การเสียพนักงานในตำแหน่งที่มีทักษะสูง ซึ่งต้องการแทนที่ทันทีเพื่อไม่ให้ธุรกิจสะดุด
- การแข่งขันในตลาดแรงงานที่รุนแรง ทำให้ผู้สมัครที่มีสมรรถนะดีถูกจองตัวเร็ว
แต่การรีบร้อนนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการประเมิน Capability หรือสมรรถนะ ของผู้สมัคร หากไม่ได้มีเวลาคัดกรองคุณสมบัติอย่างละเอียด อาจเปลี่ยนโอกาสดีเป็นวิกฤตเสียทั้งคนและทรัพยากร
ผลกระทบระยะยาวของการจ้างงานที่เร็วเกินไปแต่ได้คนคุณภาพต่ำ
การเน้น การจ้างงาน ที่รวดเร็วอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึง คุณภาพของคนที่ได้ อาจทำให้องค์กรต้องแบกรับความเสี่ยงในหลายมิติ เช่น:
- ต้นทุนสูงในระยะยาว: ต้องใช้เวลาฝึกอบรมซ้ำจากพนักงานที่มีสมรรถนะไม่เพียงพอ หรือจำเป็นต้องเปิดรับสมัครบ่อยครั้ง
- ผลผลิตและคุณภาพงานลดลง: เนื่องจากพนักงานไม่ได้รับเลือกตามสมรรถนะที่องค์กรต้องการ
- บรรยากาศองค์กรเสียหาย: เมื่อทีมต้องรับแรงกดดันจากคนที่ไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ความขัดแย้งและสภาพแวดล้อมทำงานที่ไม่ดี
- อัตราการลาออกสูง: คนที่ไม่ได้เข้ากับวัฒนธรรม หรือขาดความสามารถ อาจลาออกเร็ว ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจจ้างใหม่ซ้ำๆ
ดังนั้น การรักษาสมดุลจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและคุณภาพไปพร้อมกัน คุณสามารถเรียนรู้เทคนิคการ Balance ได้ในบทความนี้
แนวทาง Balance ระหว่างการจ้างงานที่เร็ว และการได้คนที่มีคุณภาพ
การเป็น Recruiter ที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่การปิดตำแหน่งได้เร็วสุด แต่ต้องเป็นการได้คนที่มี Capability เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการขององค์กรด้วย เราขอแนะนำกลยุทธ์หลักในการบริหารสมดุลนี้ดังนี้:
- กำหนดความชัดเจนของตำแหน่งงานและสมรรถนะที่ต้องการ: ก่อนเริ่มกระบวนการสรรหา ให้มี Job Description ที่ละเอียดและเจาะจง เพื่อให้กระบวนการคัดเลือกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดเวลาในการคัดออกผู้สมัครที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่แรก
- ใช้ Automation และเทคโนโลยีช่วยกรองผู้สมัคร: นำ AI มาช่วยคัดกรองประวัติและคะแนนสมรรถนะเบื้องต้น จะช่วยลดเวลาคัดเลือกและเพิ่มความแม่นยำในการประเมินคุณภาพผู้สมัคร
- จัดรอบสัมภาษณ์อย่างมีประสิทธิภาพ: สร้างชุดคำถามและแบบทดสอบที่วัดสมรรถนะจริง พร้อมเทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึก (Behavioral Interview) เพื่อประเมิน Capability ได้แม่นยำ และลดความผิดพลาดจากการตัดสินใจเร็วเกินไป
- สร้าง Talent Pool ที่แข็งแกร่ง: การวางแผนล่วงหน้าและสร้างฐานข้อมูลผู้สมัครคุณภาพ จะทำให้ไม่ต้องรีบเร่งค้นหา ณ เวลาที่ต้องการคนใหม่อย่างเฉียบพลัน
- สื่อสารกับผู้ว่าจ้างอย่างใกล้ชิด: เข้าใจ Business Priority และตั้งความคาดหวังที่ชัดเจนในเรื่องของเวลาและคุณภาพ เพื่อหาข้อตกลงที่สมดุลและไม่เพิ่มแรงกดดันที่เกินไปสำหรับ Recruiter
- เน้น Retention ร่วมกับ Hiring: ยืดหยุ่นในการคัดเลือกและติดตามผลหลังจ้างงาน เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับการจ้างงานและลดต้นทุนในระยะยาว
ศึกษาวิธีการใช้ AI และเครื่องมือช่วย Recruiter เพิ่มเติมได้ที่ AI กับการจ้างงานอย่างมืออาชีพ
การนำกลยุทธ์ Balance การจ้างงานไปใช้ในชีวิตจริงของ Recruiter
เพื่อประยุกต์ใช้แนวทางดังกล่าวในงานประจำวันของคุณ ในฐานะ Recruiter คุณควร:
- เริ่มจากการตั้ง KPI ที่วัดได้ทั้งเรื่อง "ความเร็ว" และ "คุณภาพ" อย่างชัดเจน เช่น จำนวนตำแหน่งที่ปิดได้ภายในเวลาที่กำหนด และอัตราความพึงพอใจของผู้ว่าจ้าง
- วางแผนทรัพยากรและเวลาเพื่อการสัมภาษณ์ที่มีคุณภาพ ไม่เร่งรีบจนข้ามขั้นตอนสำคัญ
- มีคู่มือสัมภาษณ์และแบบประเมินสมรรถนะ (Capability Assessment Matrix) เพื่อใช้ติดตามและวัดผลในแต่ละรอบสัมภาษณ์
- ร่วมงานกับ Hiring Manager อย่างใกล้ชิด เพื่ออัพเดตความคืบหน้าและปรับกลยุทธ์สรรหาตามสถานการณ์จริง
- ทำงานร่วมกับ HR ทีมเพื่อพัฒนาระบบการอบรมและ Onboarding ที่ช่วยให้พนักงานใหม่ปรับตัวเร็วและมีประสิทธิภาพ
การวางแผนและติดตามอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณ Balance ได้ทั้งความเร็วและคุณภาพได้ในระดับมืออาชีพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ Balance ระหว่าง 'จ้างงานได้เร็ว' และ 'ได้คนที่มีคุณภาพ'
Q1: ควรใช้เวลานานแค่ไหนในการคัดเลือกเพื่อให้ได้คนที่มีคุณภาพ?
A: ระยะเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานและตลาดแรงงาน โดยทั่วไปควรกำหนดกรอบเวลาชัดเจนและมีขั้นตอนคัดกรองที่มีประสิทธิภาพเพื่อย่นเวลาที่ไม่จำเป็นโดยไม่เสียคุณภาพ
Q2: หากรีบจ้างมาก ควรทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงได้บ้าง?
A: ใช้เครื่องมือช่วยคัดกรอง เช่น นำ AI ช่วยในการสัมภาษณ์และคัดกรอง, เพิ่มการสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม และมีการตรวจสอบข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อลดความผิดพลาดทางการคัดเลือก
Q3: วิธีการสร้าง Talent Pool ให้พร้อมใช้งานอย่างไร?
A: รักษาความสัมพันธ์กับผู้สมัครที่มีคุณภาพที่ผ่านเกณฑ์ และอัพเดตฐานข้อมูลอยู่เสมอ รวมทั้งมีการสื่อสารสม่ำเสมอเพื่อรักษาความสนใจของพวกเขา
Q4: มีเทคนิคอย่างไรในการสื่อสารกับผู้ว่าจ้างเพื่อตั้งความคาดหวังเรื่องเวลาและคุณภาพ?
A: ควรจัดประชุมตั้งแต่ต้นโครงการเพื่อทำความเข้าใจ Business Priority และวาง Roadmap การสรรหาที่ชัดเจน ตลอดจนอธิบายข้อจำกัดและแนวทางจัดการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งสองด้าน
Final Thought กับการสร้างสมดุลการจ้างงาน ระหว่าง คุณภาพ และความรวดเร็ว
การ Balance ระหว่าง การจ้างงาน ที่รวดเร็วและการได้ คนที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นหัวใจของความสำเร็จในงาน Recruiter หากคุณสามารถสร้างกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีช่วย และจัดการความคาดหวังอย่างมืออาชีพ คุณจะสามารถตอบโจทย์องค์กรได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน เริ่มต้นวันนี้ด้วยการประเมินกระบวนการสรรหาของคุณ แล้วนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปปรับใช้!
คลิกที่นี่เพื่อรับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหา
คลิ้กอ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- Capability-Based Hiring: คัดคนที่ 'ทำงานได้จริง' ไม่ใช่แค่คำสวยหรูที่เขียนไว้ใน CV
- ทำไม Capability หรือ สมรรถนะ ถึงสำคัญกว่าปีประสบการณ์การทำงาน
- Situational-Based Interview ขั้นกว่าของการสัมภาษณ์ทั่วไป ให้ได้ผู้สมัครที่พร้อมทำงานมากที่สุด