Capability-based Hiring: คัดคนที่ ‘ทำงานได้จริง’ ไม่ใช่แค่คำสวยหรูที่เขียนไว้ใน CV

TalentSphere
August 28, 2025
5 min read

Capability-based Hiring: คัดคนที่ ‘ทำงานได้จริง’ ไม่ใช่แค่คำสวยหรูที่เขียนไว้ใน CV

การสรรหาบุคลากรในยุคสมัยนี้ไม่สามารถอาศัยแค่ “ประวัติการทำงาน” หรือ “คำสวยหรู” ที่เขียนไว้ใน CV เท่านั้น แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปสู่การเลือกคนที่ “มีสมรรถนะ (Capability)” และพร้อม “ทำงานได้จริง” หรือที่เรียกกันว่า

Capability-based Hiring การจ้างงานด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยคัดคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาวอีกด้วย

บทความนี้จะเจาะลึกความหมาย ประโยชน์ และแนวทางปฏิบัติของ Capability-based Hiring ให้คุณเข้าใจและพร้อมนำไปใช้จริง

ความท้าทายในการ 'คัดคนที่ใช่'

ในหลายองค์กร ความท้าทายในการสรรหาและคัดเลือกพนักงานมักไม่ใช่เรื่องของ “หาคนไม่ได้” แต่กลับกลายเป็นการ “เลือกคนผิด” ซึ่งคนเหล่านั้นมีประวัติที่น่าประทับใจบนกระดาษแต่ “ทำงานจริงไม่ได้ดั่งหวัง”

ส่งผลให้ประสิทธิภาพทีมลดลง เสียเวลาและงบประมาณจากการฝึกอบรมซ้ำซ้อน หรือต้องเสียเวลาค้นหาคนใหม่เมื่อตำแหน่งยังว่าง หรือแม้กระทั่งเกิดการลาออกเร็ว

ทำให้องค์กรเดินหน้าช้าและเสียโอกาสทางธุรกิจ ตัวอย่างเช่น

- ทีมขายที่มีประวัติผู้สมัครดูดี มีทักษะหลากหลายแต่ไม่สามารถปิดการขายได้จริง
- ฝ่าย IT ที่รับคนที่มีสเปคสวยหรูแต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าระบบงานและแก้ไขปัญหาได้

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของการสรรหาที่มุ่งเน้นแต่ “ประวัติ” มากกว่าความสามารถจริง

สาเหตุของความท้าทายนี้

สาเหตุหลักที่ทำให้การสรรหาทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการเน้นที่ คุณสมบัติบนกระดาษ เช่น วุฒิการศึกษา และประวัติการทำงาน” มากกว่า การประเมิน “สมรรถนะ (Capability)” ที่แท้จริงของผู้สมัคร

เช่น ความสามารถในการแก้ปัญหา, การทำงานเป็นทีม, ความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ หรือศักยภาพในการปฏิบัติงานจริง

นอกจากนี้ การสัมภาษณ์งานที่มุ่งเน้นคำถามแบบทฤษฎีหรือประวัติส่วนตัวมากเกินไป ทำให้พลาดการประเมิน “การแสดงสมรรถนะ” ผ่านสถานการณ์จริงหรือพฤติกรรม (Behavioral Interview) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำและชัดเจนกว่า

ตามรายงานของ LinkedIn Talent Solutions ปี 2024 พบว่า 75% ของผู้จัดการฝ่ายบุคคลระบุว่าการขาดความชัดเจนในสิ่งที่เรียกว่า “สมรรถนะ” เป็นสาเหตุให้การสรรหาผิดพลาด
และกว่า 60% รายงานว่าปัญหานี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพและการรักษาพนักงาน

ผลของการไม่ได้คัดเลือก “คนที่พร้อมทำงานจริง” หรือไม่มีการประเมินสมรรถนะอย่างถูกวิธี

มีหลายด้านที่ส่งผลต่อองค์กรอย่างลึกซึ้ง ได้แก่

- ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น: ต้องเสียเวลากับการอบรมซ้ำ ทำงานซ้ำ หรือแม้แต่ต้องจ้างคนใหม่บ่อยๆ

- ประสิทธิภาพของทีมลดลง: เพราะการทำงานไม่ราบรื่น การแทรกซ้อนจากความไม่พร้อมของคนในทีมสร้างความล่าช้า

- วัฒนธรรมองค์กรเสียหาย: พนักงานที่ทำงานไม่ได้ดี หรือสร้างปัญหาอาจส่งผลให้บรรยากาศการทำงานตึงเครียด

- โอกาสทางธุรกิจลดลง: เนื่องจากงานที่จำเป็นต้องสำเร็จไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

- อัตราการลาออกสูง: คนที่ไม่เหมาะสมกับงานจะรู้สึกหมดกำลังใจและลาออกในที่สุด ทำให้สูญเสียทุนมนุษย์

วิธีการแก้ปัญหาในชีวิตจริง (Practical Application) ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ HR มืออาชีพ

เป็นแนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเน้นการสรรหาผู้ที่มี สมรรถนะ (Capability) ที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงานและองค์กรจริง ๆ

วิธีการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

1. เริ่มจากการวิเคราะห์งาน (Job Analysis): ทำความเข้าใจว่างานนั้นต้องการสมรรถนะและความสามารถอะไรบ้างในเชิงลึก

2. สร้างกรอบสมรรถนะ (Capability Framework): เขียนออกมาเป็นรายการสมรรถนะที่วัดผลได้ เช่น การแก้ไขปัญหา, ภาวะผู้นำ, การจัดการเวลา

3. ออกแบบเครื่องมือประเมิน: อาจเป็นแบบทดสอบ กรณีศึกษา หรือการสัมภาษณ์ที่เจาะลึกสถานการณ์จริง

4. ฝึกอบรมผู้สัมภาษณ์: สอนให้ใช้คำถามเชิงพฤติกรรมและเทคนิคประเมินอย่างแม่นยำ

5. ใช้ผลลัพธ์ประกอบการตัดสินใจ: ไม่ยึดติดแต่ใบสมัครหรือประสบการณ์ แต่อิงตามสมรรถนะจริง

6. ประเมินผลและปรับปรุง: วัดผลความสำเร็จของพนักงานที่ถูกจ้างจากวิธีนี้ เพื่อนำข้อมูลกลับมาพัฒนากระบวนการให้ดียิ่งขึ้น

คุณสามารถหาคำแนะนำและเครื่องมือเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือการนำ Capability-based Hiring ไปใช้

คำถามที่พบบ่อย (Q&A)

Q1: Capability-based Hiring คืออะไร และแตกต่างจากการสรรหาแบบดั้งเดิมอย่างไร?

A1: Capability-based Hiring คือกระบวนการจ้างงานที่เน้นประเมินสมรรถนะ และความสามารถที่แท้จริงของผู้สมัคร มากกว่าการดูแค่ประวัติหรือคุณสมบัติบนกระดาษ แบบดั้งเดิมมักเน้นใบปริญญาหรือประสบการณ์โดยไม่ดูความเข้ากันจริงกับงาน

Q2: สมรรถนะ (Capability) ที่ควรประเมินในแต่ละตำแหน่งคืออะไร?

A2: สมรรถนะ คือ ความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการทำงานที่ประสบผลสำเร็จ เช่น ทักษะการแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความยืดหยุ่น เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละตำแหน่ง

Q3: จะสร้างโมเดลสมรรถนะ (Capability Framework) ได้อย่างไร?

A3: เริ่มจากการวิเคราะห์งานอย่างละเอียด สัมภาษณ์หัวหน้างาน รวบรวมทักษะและพฤติกรรมที่จำเป็น จากนั้นจัดหมวดหมู่และเขียนออกมาเป็นแบบวัดผลได้

Q4: ใช้เครื่องมือหรือเทคนิคอะไรช่วยประเมินสมรรถนะในการสัมภาษณ์?

A4: วิธีที่นิยมคือ Behavioral Interview, Situational Judgment Tests, Work Sample Tests หรือ Assessment Centers ซึ่งช่วยให้ประเมินพฤติกรรมและความสามารถจริงของผู้สมัครได้ดียิ่งขึ้น

Capability-based Hiring คือ กุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงการสรรหา

จากการสรรหาพนักงาน ที่เลือกคนที่ “ดูดี” แต่ไม่พร้อมทำงานจริง มาเป็นการคัดเลือก “คนที่มีสมรรถนะและพร้อมทำงานทันที” วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ลดต้นทุนการจ้างงานผิดพลาด และสร้างทีมที่แข็งแกร่งในระยะยาว

อย่ารอช้า! เริ่มต้นปรับแนวทางการสรรหาของคุณด้วย Capability-based Hiring วันนี้ เพื่อสร้างทีมงานที่ทำงานได้จริงและสร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจแข็งแกร่งกว่าเดิม

คลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาและพัฒนาบุคลากร

ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้น Capability-based Hiring

คลิ้กอ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม