Capability-based Hiring: คัดคนที่ ‘ทำงานได้จริง’ ไม่ใช่แค่คำสวยหรูที่เขียนไว้ใน CV
การสรรหาบุคลากรในยุคสมัยนี้ไม่สามารถอาศัยแค่ “ประวัติการทำงาน” หรือ “คำสวยหรู” ที่เขียนไว้ใน CV เท่านั้น แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปสู่การเลือกคนที่ “มีสมรรถนะ (Capability)” และพร้อม “ทำงานได้จริง” หรือที่เรียกกันว่า
Capability-based Hiring การจ้างงานด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยคัดคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาวอีกด้วย
บทความนี้จะเจาะลึกความหมาย ประโยชน์ และแนวทางปฏิบัติของ Capability-based Hiring ให้คุณเข้าใจและพร้อมนำไปใช้จริง
ความท้าทายในการ 'คัดคนที่ใช่'
ในหลายองค์กร ความท้าทายในการสรรหาและคัดเลือกพนักงานมักไม่ใช่เรื่องของ “หาคนไม่ได้” แต่กลับกลายเป็นการ “เลือกคนผิด” ซึ่งคนเหล่านั้นมีประวัติที่น่าประทับใจบนกระดาษแต่ “ทำงานจริงไม่ได้ดั่งหวัง”
ส่งผลให้ประสิทธิภาพทีมลดลง เสียเวลาและงบประมาณจากการฝึกอบรมซ้ำซ้อน หรือต้องเสียเวลาค้นหาคนใหม่เมื่อตำแหน่งยังว่าง หรือแม้กระทั่งเกิดการลาออกเร็ว
ทำให้องค์กรเดินหน้าช้าและเสียโอกาสทางธุรกิจ ตัวอย่างเช่น
- ทีมขายที่มีประวัติผู้สมัครดูดี มีทักษะหลากหลายแต่ไม่สามารถปิดการขายได้จริง
- ฝ่าย IT ที่รับคนที่มีสเปคสวยหรูแต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าระบบงานและแก้ไขปัญหาได้
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของการสรรหาที่มุ่งเน้นแต่ “ประวัติ” มากกว่าความสามารถจริง
สาเหตุของความท้าทายนี้
สาเหตุหลักที่ทำให้การสรรหาทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการเน้นที่ คุณสมบัติบนกระดาษ เช่น วุฒิการศึกษา และประวัติการทำงาน” มากกว่า การประเมิน “สมรรถนะ (Capability)” ที่แท้จริงของผู้สมัคร
เช่น ความสามารถในการแก้ปัญหา, การทำงานเป็นทีม, ความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ หรือศักยภาพในการปฏิบัติงานจริง
นอกจากนี้ การสัมภาษณ์งานที่มุ่งเน้นคำถามแบบทฤษฎีหรือประวัติส่วนตัวมากเกินไป ทำให้พลาดการประเมิน “การแสดงสมรรถนะ” ผ่านสถานการณ์จริงหรือพฤติกรรม (Behavioral Interview) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำและชัดเจนกว่า
ตามรายงานของ LinkedIn Talent Solutions ปี 2024 พบว่า 75% ของผู้จัดการฝ่ายบุคคลระบุว่าการขาดความชัดเจนในสิ่งที่เรียกว่า “สมรรถนะ” เป็นสาเหตุให้การสรรหาผิดพลาด
และกว่า 60% รายงานว่าปัญหานี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพและการรักษาพนักงาน
ผลของการไม่ได้คัดเลือก “คนที่พร้อมทำงานจริง” หรือไม่มีการประเมินสมรรถนะอย่างถูกวิธี
มีหลายด้านที่ส่งผลต่อองค์กรอย่างลึกซึ้ง ได้แก่
- ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น: ต้องเสียเวลากับการอบรมซ้ำ ทำงานซ้ำ หรือแม้แต่ต้องจ้างคนใหม่บ่อยๆ
- ประสิทธิภาพของทีมลดลง: เพราะการทำงานไม่ราบรื่น การแทรกซ้อนจากความไม่พร้อมของคนในทีมสร้างความล่าช้า
- วัฒนธรรมองค์กรเสียหาย: พนักงานที่ทำงานไม่ได้ดี หรือสร้างปัญหาอาจส่งผลให้บรรยากาศการทำงานตึงเครียด
- โอกาสทางธุรกิจลดลง: เนื่องจากงานที่จำเป็นต้องสำเร็จไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
- อัตราการลาออกสูง: คนที่ไม่เหมาะสมกับงานจะรู้สึกหมดกำลังใจและลาออกในที่สุด ทำให้สูญเสียทุนมนุษย์
วิธีการแก้ปัญหาในชีวิตจริง (Practical Application) ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ HR มืออาชีพ
เป็นแนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเน้นการสรรหาผู้ที่มี สมรรถนะ (Capability) ที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงานและองค์กรจริง ๆ
วิธีการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้
1. เริ่มจากการวิเคราะห์งาน (Job Analysis): ทำความเข้าใจว่างานนั้นต้องการสมรรถนะและความสามารถอะไรบ้างในเชิงลึก
2. สร้างกรอบสมรรถนะ (Capability Framework): เขียนออกมาเป็นรายการสมรรถนะที่วัดผลได้ เช่น การแก้ไขปัญหา, ภาวะผู้นำ, การจัดการเวลา
3. ออกแบบเครื่องมือประเมิน: อาจเป็นแบบทดสอบ กรณีศึกษา หรือการสัมภาษณ์ที่เจาะลึกสถานการณ์จริง
4. ฝึกอบรมผู้สัมภาษณ์: สอนให้ใช้คำถามเชิงพฤติกรรมและเทคนิคประเมินอย่างแม่นยำ
5. ใช้ผลลัพธ์ประกอบการตัดสินใจ: ไม่ยึดติดแต่ใบสมัครหรือประสบการณ์ แต่อิงตามสมรรถนะจริง
6. ประเมินผลและปรับปรุง: วัดผลความสำเร็จของพนักงานที่ถูกจ้างจากวิธีนี้ เพื่อนำข้อมูลกลับมาพัฒนากระบวนการให้ดียิ่งขึ้น
คุณสามารถหาคำแนะนำและเครื่องมือเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือการนำ Capability-based Hiring ไปใช้
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q1: Capability-based Hiring คืออะไร และแตกต่างจากการสรรหาแบบดั้งเดิมอย่างไร?
A1: Capability-based Hiring คือกระบวนการจ้างงานที่เน้นประเมินสมรรถนะ และความสามารถที่แท้จริงของผู้สมัคร มากกว่าการดูแค่ประวัติหรือคุณสมบัติบนกระดาษ แบบดั้งเดิมมักเน้นใบปริญญาหรือประสบการณ์โดยไม่ดูความเข้ากันจริงกับงาน
Q2: สมรรถนะ (Capability) ที่ควรประเมินในแต่ละตำแหน่งคืออะไร?
A2: สมรรถนะ คือ ความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการทำงานที่ประสบผลสำเร็จ เช่น ทักษะการแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความยืดหยุ่น เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละตำแหน่ง
Q3: จะสร้างโมเดลสมรรถนะ (Capability Framework) ได้อย่างไร?
A3: เริ่มจากการวิเคราะห์งานอย่างละเอียด สัมภาษณ์หัวหน้างาน รวบรวมทักษะและพฤติกรรมที่จำเป็น จากนั้นจัดหมวดหมู่และเขียนออกมาเป็นแบบวัดผลได้
Q4: ใช้เครื่องมือหรือเทคนิคอะไรช่วยประเมินสมรรถนะในการสัมภาษณ์?
A4: วิธีที่นิยมคือ Behavioral Interview, Situational Judgment Tests, Work Sample Tests หรือ Assessment Centers ซึ่งช่วยให้ประเมินพฤติกรรมและความสามารถจริงของผู้สมัครได้ดียิ่งขึ้น
Capability-based Hiring คือ กุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงการสรรหา
จากการสรรหาพนักงาน ที่เลือกคนที่ “ดูดี” แต่ไม่พร้อมทำงานจริง มาเป็นการคัดเลือก “คนที่มีสมรรถนะและพร้อมทำงานทันที” วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ลดต้นทุนการจ้างงานผิดพลาด และสร้างทีมที่แข็งแกร่งในระยะยาว
อย่ารอช้า! เริ่มต้นปรับแนวทางการสรรหาของคุณด้วย Capability-based Hiring วันนี้ เพื่อสร้างทีมงานที่ทำงานได้จริงและสร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจแข็งแกร่งกว่าเดิม
คลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาและพัฒนาบุคลากร
ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้น Capability-based Hiring
คลิ้กอ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- ทักษะที่จำเป็นของ HR ในยุค AI: เสริมศักยภาพองค์กรด้วยทักษะมนุษย์และเทคโนโลยี
- ทำไม Capability หรือ สมรรถนะ ถึงสำคัญกว่าปีประสบการณ์การทำงาน
- Situational-Based Interview ขั้นกว่าของการสัมภาษณ์ทั่วไป ให้ได้ผู้สมัครที่พร้อมทำงานมากที่สุด